เราเข้าสู่ยุค 9 อย่างสมบูรณ์แล้ว

เมื่อวานนี้ วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 ถือเป็นวันที่โลกเปลี่ยนจากยุค 8 เข้าสู่ยุค 9 อย่างสมบูรณ์ ตามหลักวิชา เสวียนคงเฟยซิง 玄空飛星 หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า วิชาดาวเหิน ซึ่งเป็นสำนักหลักสำนักหนึ่งของศาสตร์เฟิงสุ่ย

ตามหลักวิชาดาวเหิน จะแบ่งยุคเป็นยุคละ 20 ปี ตามคาบการโคจรที่ดาวไม้ (มู่ซิง 木星)  และดาวดิน (ถู่ซิง 土星) โคจรมาเจอกัน ดาวไม้ก็คือดาวพฤหัส ส่วนดาวดิน ก็คือ ดาวเสาร์ ในทางดาราศาสตร์ ดาวสองดวงนี้ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด 2 ดวงในระบบสุริยะ ที่มนุษย์เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะโคจรมากุมกัน ทุกๆ 19.589 ปีโดยเฉลี่ย หรือทุก 20 ปีนั่นเอง ในทางโหราศาสตร์ ไม่ว่าระบบใด เมื่อดาวใหญ่สองดวงโคจรมาเจอกันย่อมเกิดผลในทางพยากรณ์แน่นอน เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า มหาผัสสะ (The Great Conjunction) โดยวิชาดาวเหินได้นำปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้มาใช้แบ่งยุคออกเป็น 9 ยุค นั่นหมายความว่า ทุกๆ 180 ปี (20 ปี x 9 ยุค) ก็จะครบรอบใหญ่แล้วเริ่มยุคใหม่นั่นเอง

สำนักเสวียนคงเฟยซิง นำปรากฏการณ์ดาราศาสตร์นี้มาใช้ แล้วปรับกับหลักปฏิทินสุริยคติจีนที่เริ่มปีใหม่ ในวันสารทลี่ชุน 立春  ที่ซีกโลกเหนือโดยเฉพาะในแผ่นดินจีน เริ่มพ้นจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่จะเริ่มประมาณวันที่ 4 ก.พ. ของทุกปี ทางหลักโหราศาสตร์จีนจะถือเอาวันที่ 4 ก.พ. เป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตร (ไม่ใช่วันตรุษจีนซึ่งเป็นวันปีใหม่ตามปฏิทินจีนจันทรคติ) 

โดยปัจจุบัน เราได้ก้าวเข้าสู่ยุค 9 อย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 และจะอยู่ในยุค 9 ไปอีก 20 ปี จนถึง 4 ก.พ. 2044 

อนึ่ง พวกเราคนมองฟ้า ผู้ติดตามปรากฏการณ์ฟ้าอย่างสม่ำเสมอ จะทราบว่า ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์ได้กุมกันที่ต้นราศีกุมภ์ ตามจักรราศีสากล เมื่อเดือนธันวาคม 2020 ความแตกต่างประมาณ 3 ปีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะวงรอบพฤหัสเสาร์ที่จริงๆแล้ว ไม่ได้เต็ม 20 ปีพอดี แต่อยู่ที่  19.589 ปี เมื่อเวลาผ่านไป จึงมีความแตกต่างกันไป แต่วิชาดาวเหินได้ยึดหลักเปลี่ยนยุคที่วันลี่ชุนทุก 20 ปีเสมอ

ยุค 8 ที่ผ่านมา เป็นยุคธาตุดิน ตามหลักวิชาเฟิงสุ่ย เป็นยุคแห่งการแสวงหาทรัพย์สมบัติ ความมั่นคง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การสะสมทรัพย์สิน ความมั่งคั่งที่มาด้วยความอุตสาหะทุ่มเท  จึงโดดเด่น หากพูดถึงทิศ ก็คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในทวีปเอเชีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือประเทศจีน ดังนั้นในยุค 8 ระหว่าง 2004-2024 จึงเป็นยุครุ่งเรืองของประเทศจีน

มาเข้าสู่ยุค 9 เป็นยุคธาตุไฟ เป็นยุคแห่งการแสวงหาชื่อเสียง ความสำเร็จ ความมีหน้ามีตา ภาพลักษณ์ที่สวยงาม ไฟคือพลังงาน จึงเป็นยุคแห่งความคึกคัก กระปรี้กระเปร่า การแข่งขัน ความทะเยอทะยาน ในทางกลับกันก็ทำให้เบื่อง่าย กระแสเปลี่ยนเร็ว ต้องการอะไรที่สำเร็จเร็วๆ ไม่เหมือนกับยุค 8 ที่ต้องอุตสาหะพยายามจึงจะได้มา ในแง่ของทิศ ยุค 9 คือ ทิศใต้ ในทวีปเอเชีย ทิศใต้คือประเทศอินเดีย ศรีลังกา ก็จะมีบทบาทโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า พวกเราจะต้องทำตัวเป็นคนธาตุไฟกันทุกคน เพราะว่าคนทุกคนมีความแตกต่างกัน ดวงชะตาพื้นฐานก็ต่างกัน จะให้คนธาตุดินมาทำตัวเป็นธาตุไฟก็ทำได้ยาก เพราะฝืนตัวตนที่แท้จริงของเรา ผมแนะนำว่า เราไม่ต้องเปลี่ยนตัวเราเป็นธาตุไฟตามยุค เรายังคงจุดเด่นอย่างที่เราเป็น แต่เราต้องรู้ว่าสถานการณ์รอบตัวเรากำลังเป็นไปอย่างไร แล้วคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นนั้นไว้ให้สอดคล้องกับแนวทางของเรา อย่าลืมว่า ตามหลักห้าธาตุของจีนนั้น ไฟก่อเกิดดิน คนธาตุดินย่อมได้ประโยชน์จากยุคธาตุไฟอยู่ดี หรือคนธาตุน้ำก็สามารถกินไฟ ก่อเกิดโชคลาภได้ หลักสำคัญที่สุดของโหราศาสตร์จีน คือ การสร้างสมดุลในชีวิตนั่นเอง

เขียนโดย อ.พัลลาส

5 ก.พ. 2024

หมายเหตุ ภาพประกอบให้ ChatGPT วาดให้ ฝั่งภาพยุค 9 มันใส่เปลวไฟมากไปนิด จนดูเป็นไฟไหม้เลย 5555

ปี 2024 เมื่อพฤหัสกุมยูเรนัส โลกเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของ AI (ตอน 3)

โดย อ.พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย (อ.พัลลาส)

ประวัติศาสตร์การกุมกันของดาวพฤหัสและดาวยูเรนัส

ก่อนจะไปดูว่า การกุมกันของดาวคู่นี้ในเดือนเมษายน 2024 จะเกิดผลอย่างไร เราขอมองย้อนกลับไปดูเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เพื่อจะได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะทำให้เรามองภาพในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น

3 เมษายน 1513 ขณะที่ดาวพฤหัสกุมกับดาวยูเรนัส ที่ราศีเมษ ราศีแห่งการบุกเบิก นักสำรวจ พอนซ์ เดอ ลีออง ชาวสเปน เดินเรือไปขึ้นฝั่งที่ฟลอริดา ใกล้กับแหลมคานาเวรัล ที่เป็นฐานส่งจรวดของสหรัฐอเมริกาในยุคปัจจุบัน

หลังจากที่ดาวพฤหัสกุมดาวยูเรนัสอีก 33 รอบ พอถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 1969 ดาวพฤหัสกุมดาวยูเรนัสที่ตำแหน่ง 0 องศา ราศีตุล ราศีแห่งการจับมือร่วมกันและความสวยงาม นีล อาร์มสตรอง ได้เหยียบลงพื้นผิวดวงจันทร์ ด้วยกระสวยอวกาศที่ยิงจากแหลมคานาเวอรัล สหรัฐอเมริกา ภาพดาวโลกที่งดงามที่ถ่ายจากยานอพอลโล 11 ที่กำลังโคจรรอบดวงจันทร์ก็ปรากฏให้มนุษย์ได้เห็น

การกุมกันของดาวพฤหัสและดาวยูเรนัส ในราศีมิถุน เมื่อปี 1609 ตรงกับเหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ เรื่องแรก โจฮันเนส เคปเลอร์ ได้ตีพิมพ์หนังสือ Astronomica Nova ในปี 1609 หนังสือเล่มนี้เปิดเผยกฎของเคปเลอร์ ที่อธิบายและคำนวณการโคจรของดาวเคราะห์ที่สำคัญ 2 ข้อ นั่นคือ ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรี และเวลาที่ดาวเคราะห์ใช้โคจรรอบดวงอาทิตย์ คาบเวลาเท่ากันจะกวาดได้พื้นที่เท่ากัน และเรื่องที่สองคือ กาลิเลโอ ได้ส่องกล้องโทรทรรศน์ค้นพบดวงจันทร์ของดาวพฤหัส เมื่อ 7 มกราคม 1610

ปี 1831 มีเหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง เรื่องแรก ไมเคิล ฟาราเดย์ ชาวอังกฤษ ได้ค้นพบการเหนี่ยวนำแม่เหล็กทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรก และอีกเรื่องหนึ่งคือ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ชาวอังกฤษ ออกเดินทางด้วยเรือหลวง Beagle หลังจากดาวพฤหัสกุมดาวยูเรนัสในราศีกุมภ์ ต่อมา เมื่อดาวคู่นี้พบกันเป็นรอบที่สองหลังจากการเดินเรือครั้งนั้น ผลงานทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน ก็ได้นำเสนอต่อโลกวิชาการ เมื่อ 1 กรกฎาคม 1858 หลังจากดาวคู่นี้กุมกันสนิทในราศีพฤษภเมื่อ 23 พฤษภาคม 1858 เดือนกว่า ๆ เท่านั้น

การกุมกันของดาวคู่นี้เมื่อปี 1900 ในราศีธนู ตรงกับปีที่ มักซ์ พลังค์ ตีพิมพ์ผลงานเกี่ยวกับควอนตัมฟิสิกส์ พาโลกวิทยาศาสตร์ข้ามจากกลศาสตร์นิวตัน ไปสู่กลศาสตร์ยุคใหม่ ส่งผลสะเทือนครั้งใหญ่ เป็นรากฐานนำมาสู่ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ การสร้างระเบิดปรมาณู พลังงานนิวเคลียร์ จนถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน ในเวลาเดียวกัน ซิกมันด์ ฟรอยด์ ก็ได้ตีพิมพ์งานว่าด้วย การแปลความฝัน (Interpretation of Dreams) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของวิชาจิตวิเคราะห์

ปี 1927-1928 ดาวคู่นี้กุมกันในราศีเมษ ควอนตัมฟิสิกส์ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อนักวิทยาศาสตร์ อย่าง นีลส์ โบร์, แวร์เนอร์ ไฮเซนแบร์ก, แอร์วีน ชเรอดิงเงอร์, ว็อล์ฟกัง เพาลี, มัคส์ บอร์น ได้พัฒนาและนำเสนอทฤษฎีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ไฮเซนแบร์กเรียกช่วงเวลานี้ว่า Copenhagen Interpretation งานสำคัญในช่วงนั้นเช่น หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนแบร์ก (Heisenberg’s Principle of Indeterminacy), สมการคลื่นของชโรดิงเงอร์ (Schrödinger equation) และ หลักแห่งการเติมเต็มของโบร์ (Bohr’s Principle of Complimentary)

ในด้านการเมือง การพบกันของดาวพฤหัสและดาวยูเรนัส ตรงกับเหตุการณ์ปฏิวัติและสงครามสำคัญหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ปี 1776 ที่อาณานิคมอเมริกาประกาศอิสรภาพ ก็เกิดขึ้นปีเดียวหลังการกุมกันของพฤหัสยูเรนัสในราศีมิถุนเมื่อ 8 มิถุนายน 1775

ถัดมาอีก 14 ปี การทลายคุกบาสตีล์เมื่อ 14 กรกฎาคม 1789 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศสก็เกิดขึ้นหลังการกุมกันของดาวคู่นี้ในราศีสิงห์เมื่อ 29 มิถุนายน 1789 เพียงไม่กี่วัน และก่อนหน้านั้นเพียง 2 เดือน นายพลจอร์จ วอชิงตัน ก็ได้รับเลือกและสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาเมื่อ 30 เมษายน 1789

4 มีนาคม 1914 ดาวพฤหัสกุมกับดาวยูเรนัสในราศีกุมภ์ ปีนั้นเป็นปีที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่ออาร์ค ดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทแห่งอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ถูกสังหารในซาราเจโว แล้วความขัดแย้งก็ลุกลามจนกลายเป็นสงครามโลก

8 พฤษภาคม 1941 ดาวพฤหัสกุมกับดาวยูเรนัสในราศีพฤษภ ปีนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อเยอรมันยกกองทัพบุกโจมตีสหภาพโซเวียตในปฏิบัติการบาร์บารอสซาในเดือนมิถุนายน 1941 ตามด้วยช่วงปลายปี เมื่อญี่ปุ่นบุกโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941

ในปีเดียวกันกับการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ในแปซิฟิก ที่ออสเตรเลีย มีการรวมตัวของสหภาพแรงงานเพื่อเรียกร้องการจ่ายค่าแรงเท่าเทียมกับสตรีหากทำงานเหมือนกับแรงงานชาย เรียกแคมเปญนี้ว่า Equal Pay and Equal Status ในช่วงนั้น ผู้ชายต้องไปเป็นทหารออกรบ ทำให้ผู้หญิงต้องออกมาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเหมือนกับผู้ชาย ทำให้เกิดการเรียกร้องให้จ่ายค่าแรงอย่างเท่าเทียม ผลการรณรงค์ครั้งนั้นก็ประสบความสำเร็จ แรงงานสตรีได้รับค่าแรงเท่าเทียมกันมากขึ้น แต่ก็เป็นความสำเร็จเพียงชั่วคราว เพราะเมื่อสงครามจบ ค่าแรงที่เพิ่มให้กับผู้หญิงก็ถูกยกเลิกไป การเรียกร้องจ่ายค่าแรงเท่าเทียมนี้สอดคล้องกับราศีพฤษภที่ดาวทั้งคู่กุมกันในตอนนั้นพอดี

16 กุมภาพันธ์ 1997 ดาวพฤหัสกุมดาวยูเรนัสในราศีกุมภ์ หลังจากนั้นไม่กี่วัน 24 กุมภาพันธ์ ก็มีการประกาศข่าวใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ คือความสำเร็จในการโคลนนิ่งแกะดอลลี่ ที่สก็อตแลนด์ เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์สามารถโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสำเร็จ แกะดอลลี่ถูกโคลนนิ่งโดยใช้เซลส์จากต่อมน้ำนมของแกะตัวอื่น ความสำเร็จของแกะดอลลี่ได้นำมาพัฒนาต่อยอดสู่เทคโนโลยีสเต็มเซลล์ในปัจจุบัน

สำหรับประเทศไทย ปี 1997 เป็นปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยพ่ายแพ้ต่อนักเก็งกำไรค่าเงิน ต้องปล่อยเงินบาทลอยตัวเมื่อ 4 กรกฎาคม 1997 นำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ

รอบการพบกันของดาวคู่นี้ในปี 2010-2011 มีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญคือ การที่ CERN ประกาศว่า สามารถดักจับปฏิสสาร (Antimatter) จากอะตอมไฮโดรเจนได้นานถึง 16 นาที 40 วินาที ปฏิสสารเป็นหนึ่งในปัญหาวิทยาศาสตร์ที่ลึกลับที่สุด ตามทฤษฎีแล้ว ตอนที่เกิดบิกแบง ทั้งสสารและปฏิสสารน่าจะถูกผลิตขึ้นในจำนวนที่เท่า ๆ กัน แต่โลกเรานั้นสร้างขึ้นจากสสาร และดูเหมือนว่าไม่มีปฏิสสารปรากฏอยู่

****** จบ ตอน 3 ******

บทความนี้เป็นบทความวิชาการประกอบการนำเสนอในงานสัมมนาสหวิทยาการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ครั้งที่ 1/2566 ในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมประชานารถ ชั้น 2 อาคาร 9 วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ กรุงเทพมหานคร

ปี 2024 เมื่อพฤหัสกุมยูเรนัส โลกเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของ AI (ตอน 2)

บทความนี้เป็นบทความวิชาการประกอบการนำเสนอในงานสัมมนาสหวิทยาการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ครั้งที่ 1/2566 ในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมประชานารถ ชั้น 2 อาคาร 9 วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ กรุงเทพมหานคร

โดย อ.พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย (อ.พัลลาส)

วงรอบดาวพฤหัสและดาวยูเรนัส

ดาวพฤหัสโคจรรอบจักรราศีใช้เวลา 12 ปี ส่วนดาวยูเรนัสใช้เวลา 84 ปี นั่นหมายความว่า ดาวพฤหัสโคจรรอบจักรราศี 7 รอบจึงจะเท่ากับดาวยูเรนัสโคจรครบรอบจักรราศี อย่างไรก็ตาม ดาวสองดวงนี้จะโคจรมาพบกันทุก ๆ 14 ปี เมื่อสังเกตการณ์จากโลก ซึ่งเรียกว่า คาบซินอดิก (synodic period) การโคจรมาพบกันครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 เมษายน 2024 ที่ตำแหน่ง 22 องศา ราศีพฤษภ โดยการพบกันครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นเมื่อ 4 มกราคม 2011 ที่ 27 องศา ราศีมีน ห่างกันประมาณ 13 ปี 3 เดือน ที่ไม่เท่ากับ 14 ปีพอดี เพราะรอบที่แล้ว ดาวพฤหัสกุมกับดาวยูเรนัสทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกคือ 8 มิถุนายน 2010 ที่ 0 องศา ราศีเมษ ครั้งที่สองคือ 19 ก.ย. 2010 ที่ 28 องศา ราศีมีน หากเรานับจากการพบกันครั้งแรกในรอบนั้น ก็จะห่างกับครั้งนี้ 14 ปีนั่นเอง

รูปที่ 3 Jupiter Uranus Mandala

ในแง่ธาตุแล้ว ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ธาตุไฟ ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ธาตุลม ธาตุไฟและธาตุลมต่างเป็นธาตุขั้วบวก (Positive) ถ้าเรียกตามตำรา เตตราบิโบลส ของ ทอเลมี (Ptolemy) จะเรียกว่า เพศชาย (Masculine) ถ้าเรียกตามอภิปรัชญาจีน จะเรียกว่า หยาง ลักษณะของขั้วบวก คือ เป็นพลังงานเชิงรุก ไม่อยู่นิ่ง แสดงออก ไม่ปิดบัง เมื่อธาตุลมกับไฟมารวมตัวกันก็ย่อมสำแดงพลังงานในลีลาเชิงรุก เปิดเผยออกมา เช่นเดียวกัน

คัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ โดย พลตรี ประยูร พลอารีย์ ที่เรียบเรียงจากหนังสือ Regelwerk für Planetenbilder ต้นฉบับภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นตำราแม่แบบของโหราศาสตร์ยูเรเนียน ให้ความหมายดาวพฤหัสเมื่อจับคู่กับดาวยูเรนัสว่า “ความสำเร็จด้านวัตถุ โชคดีโดยฉับพลัน หรือบางทีก็โชคร้ายโดยฉับพลัน ถ้าพฤหัสสถิตในโครงสร้างร้าย ๆ”

หนังสือ The Combination of Stellar Influences โดย Reinhold Ebertin ซึ่งถือเป็นตำราแม่แบบของโหราศาสตร์สำนักคอสโมไบโอโลจี ให้ความหมายของดาวคู่นี้ว่า “การมองโลกในแง่ดี, โอกาสแห่งโชค, การตระหนักรู้ถึงความสุข” และยังให้ความหมายเชิงจิตวิทยา ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยความหมายคู่นี้ในเชิงบวก หมายถึง “ความปรารถนาในความรู้, ความปรารถนาในการหยั่งรู้จิตภายใน, ญาณหยั่งรู้ที่ดี, ความสามารถที่จะมีแนวคิดที่มีโชคและตระหนักเกี่ยวกับมัน, ความสามารถในการจัดการ, ความรู้ต่อทุกสิ่งใหม่อย่างถูกต้อง, การฉวยสถานการณ์ไว้ได้, ความสุขุม, การมองการณ์ไกล, ความสนใจในปรัชญา” ส่วนความหมายเชิงลบ คือ “รักในเสรีภาพ, เรียกร้องอิสรภาพ, ยึดมั่นในหลักการอย่างหัวรั้นจากแรงต้านภายใน มากกว่าจากความเชื่อมั่นจริง ๆ , แนวโน้มที่จะขยายสิ่งต่าง ๆ หรือโอ้อวดทุกสิ่งทุกอย่าง, ไม่คงที่, ไม่รู้จักกาลเทศะ”

หนังสือ Horoscope Symbols โดย โรเบิร์ต แฮนด์ ให้ความหมายของดาวพฤหัสกับดาวยูเรนัสว่า การผลักดันให้เป็นอิสระจากข้อจำกัดต่าง ๆ , แรงผลักดันเพื่อเสรีภาพ, ความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตอย่างฉับพลัน, เกี่ยวข้องกับโชคแบบฉับพลัน ไม่ว่าร้ายหรือดี, ความยุ่งยากจากข้อจำกัดจากกฎหมายหรือผู้มีอำนาจต่าง ๆ

หนังสือ Jupiter Meets Uranus โดย Anne Whitaker ให้ความหมายของการพบกันของดาวพฤหัสและดาวยูเรนัสว่า “มุมที่ดีที่สุดของการแสวงหาของมนุษย์เพื่อไปสู่ สิ่งที่เราสามารถเป็น ได้เต็มศักยภาพที่สุด” ดาวคู่นี้ “นำศรัทธา, ความกล้าหาญ และจิตวิญญาณแห่งการขยายตัวเพื่อสำรวจ ด้วยการทุบทำลายวิสัยทัศน์ที่จำกัดหรือบางส่วน เพื่อเปิดเผยเส้นทางที่นำไปสู่ความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ” ในด้านบวก ดาวคู่นี้ “นำความสนุกสนาน ความรื่นเริง ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และความสามารถที่จะก้าวกระโดดข้ามหน้าผา เช่นเดียวกับไพ่ หนุ่มพเนจร The Fool ของไพ่ทาโรต์ โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถกระโดดข้ามไปถึงดินแดนอีกฝั่งที่น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ได้อย่างปลอดภัย” ส่วนในด้านลบ ดาวคู่นี้ “นำไปสู่การทุบทำลายวิถีเก่าของการจัดการชีวิตมนุษย์ โดยไม่ใส่ใจผลที่จะตามมา มุ่งมั่นที่จะสำแดงนวัตกรรมหรือการปฏิวัติเปลี่ยนแปลง โดยไม่สนว่าจะทิ้งบางสิ่งไว้ที่ปรับตัวไม่ได้ไว้ข้างหลัง”

เมื่อประเมินความหมายของดาวพฤหัสกับดาวยูเรนัสจากตำราต่าง ๆ แล้ว พบว่า มีความหมายในเชิงบวก บ่งบอกถึง ความสำเร็จอย่างฉับพลัน นวัตกรรม การริเริ่มสิ่งใหม่ ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งอิทธิพลของดาวคู่นี้ย่อมส่งผลต่อคนบนโลก ทั้งระดับปัจเจกบุคคล และระดับสังคมในภาพรวม สำหรับบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่อิทธิพลที่มีต่อสังคมในภาพรวม โดยขอสรุปความหมายของดาวคู่นี้สำหรับโลกโดยรวมว่า “นวัตกรรมและการค้นพบสิ่งใหม่ที่ประสบความสำเร็จ การเติบโตและตื่นรู้ของมนุษยชาติ”

ปี 2024 เมื่อพฤหัสกุมยูเรนัส โลกเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของ AI (ตอน 1)

บทความวิชาการที่ได้นำเสนอในงานสัมมนาสหวิทยาการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ครั้งที่ 1/2566 ในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมประชานารถ ชั้น 2 อาคาร 9
วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ กรุงเทพมหานคร

โดย พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย (อ.พัลลาส)

บทนำ

ปรากฏการณ์ฟ้าสำคัญของปี 2024 คือ การโคจรมาพบกันของดาวเคราะห์นอกสองดวง นั่นคือ ดาวพฤหัส และดาวยูเรนัส ซึ่งจะโคจรพบกับทุก ๆ 14 ปีเมื่อสังเกตท้องฟ้าจากพื้นโลก ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดของระบบสุริยะ โหราศาสตร์จึงกำหนดให้ดาวพฤหัสเป็นดาวที่มีอิทธิพลสูง เป็นดาวประธานฝ่ายศุภเคราะห์ ให้ความหมายเกี่ยวกับความสำเร็จและการขยายตัว ขณะที่ดาวยูเรนัส เป็นดาวเคราะห์นอกที่ให้อิทธิพลในเชิงนวัตกรรม การค้นพบใหม่ ๆ รวมไปถึงการทำลายโครงสร้างเก่าเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ เมื่อดาวสองดวงนี้มาเจอกันจึงเป็นเรื่องที่นักโหราศาสตร์ให้ความสนใจอย่างยิ่ง บทความนี้ได้นำเสนอข้อมูลของดาวเคราะห์ทั้งสองโดยละเอียด ค้นคว้าเหตุการณ์ในอดีตเมื่อดาวทั้งสองมาเจอกัน และได้นำเสนอผลการวิเคราะห์เรื่องราวที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเจอกันของดาวทั้งสองในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง

ดาวพฤหัสในโหราศาสตร์

ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 และเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด ของระบบสุริยะ มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 139,822 กิโลเมตร หรือราว 11 เท่าของโลก มีมวลประมาณ 318 เท่าของโลก และมีปริมาตรราว 1,321 เท่าของโลก ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่หมุนรอบตัวเองเร็วที่สุด จึงมีรูปร่างเป็นทรงกลมแป้น เห็นได้ชัดเมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ เอกลักษณ์ของดาวพฤหัสที่เด่นชัด คือจุดแดงใหญ่ (Great Red Spot) ซึ่งเป็นพายุหมุนขนาดมหึมา มีความกว้างมากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก ราว 1.3 เท่า 

เมื่อมองจากพื้นโลก ดาวพฤหัสเป็นดาวที่มีความสว่างเป็นอันดับ 3 บนท้องฟ้ายามค่ำคืน รองลงจาก ดวงจันทร์ และดาวศุกร์ มนุษย์จึงสังเกตเห็นดาวพฤหัสตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับดาวพฤหัสโดยนักดาราศาสตร์ชาวบาบิโลเนีย ตั้งแต่ยุค 700-800 ปีก่อนคริสตกาล 

รูปที่  1 ดาวพฤหัส กับดวงจันทร์ ยูโรปา

ดาวพฤหัสโคจรรอบระบบสุริยะใช้เวลารอบละ 11.86 ปี หรือประมาณ 12 ปี โหราศาสตร์จีนนำวงรอบ 12 ปีของดาวพฤหัสมาใช้กำหนดวงรอบปีนักษัตร 12 ปี และเป็นที่มาของดาวไท้สุ่ย (太岁) ต่อมากลายเป็น เทพไท้สุ่ย ที่คนไทยนิยมเรียกว่า ไท้ส่วยเอี๊ยะ ตามภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นเทพคุ้มครองดวงชะตาในแต่ละปีนักษัตร 

ค.ศ. 1610 กาลิเลโอได้ส่องกล้องโทรทรรศน์สังเกตดาวพฤหัส แล้วพบว่า มีดาวบริวาร 4 ดวง ต่อมา นักดาราศาสตร์ได้ตั้งชื่อดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส 4 ดวงนี้ว่า ไอโอ ยูโรปา แกนีมีด และ คัลลิสโต ภายหลังยังพบดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสอีกเป็นจำนวนมาก ณ ปี 2023 นี้ พบดวงจันทร์ของดาวพฤหัสแล้ว 95 ดวง

ชื่อของดาวพฤหัสในภาษาอังกฤษ เรียกว่า จูปิเตอร์ (Jupiter) ซึ่งเป็นเทพประธานของคณะเทพโอลิมปัส ซึ่งก็คือ มหาเทพซุส (Zeus) ของกรีก เป็นมหาเทพผู้ปกครองเหล่าทวยเทพทั้งปวง มหาเทพซุสเป็นโอรสของเทพโครนัส ประธานแห่งคณะเทพไททัน ผู้ซึ่งเคยถูกคำสาปว่า เทพโครนัสจะถูกลูก ๆ ของตนแย่งชิงอำนาจความเป็นใหญ่ไป ทำให้เทพโครนัสจับลูก ๆ ของตนเมื่อคลอดออกมากลืนกินลงท้องทั้งหมด แต่พอถึงลูกคนที่ 6 พระนางรีอา ชายาของโครนัส ก็ซ่อนซุสเอาไว้ หลอกให้โครนัสกลินกินห่อผ้าที่ข้างในเป็นก้อนหินแทน จากนั้นพระนางรีอาก็ส่งซุสให้เหล่านางอัปสรดูแลในถ้ำบนยอดเขาไอดา เมื่อเติบโต ซุสได้กลับมาเอาชนะโครนัส บิดาของตนเองได้ และบังคับให้โครนัสสำรอกเอาลูก ๆ ที่เคยกินออกมาทั้ง 5 องค์ ได้แก่ โปไซดอน, เฮดีส, เฮสเทีย, ดีมิเตอร์ และเฮรา จากนั้น ซุสก็ตั้งตนเป็นราชาแห่งทวยเทพทั้งปวง ครองบัลลังก์บนยอดเขาโอลิมปัส อาวุธคู่ใจของซุสคือสายฟ้า ที่มีอานุภาพร้ายแรงยิ่ง ตำนานของมหาเทพซุสมีมากมายหลายเรื่อง มักเป็นเรื่องความเจ้าชู้ ทำให้เป็นบิดาของเหล่าเทพมากมาย ซึ่งให้ความหมายของความยิ่งใหญ่ การขยายอาณาจักร ไปจนถึงความโลภ ความเกินพอดีด้วย

ดาวพฤหัสในทางโหราศาสตร์ ถือเป็นดาวศุภเคราะห์ใหญ่ (The Great Benefic) เป็นดาวเกษตรประจำราศีธนู มีคุณสมบัติของธาตุไฟ ให้ความหมายเกี่ยวกับ ความสำเร็จ การขยายตัว โชคลาภโอกาสที่เข้ามา การเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ความมั่งคั่งที่เพิ่มมากขึ้น สถานะทางสังคมที่สูงขึ้น การมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ยังหมายถึง ความรู้ชั้นสูง การเรียนระดับอุดมศึกษา ศาสนา ระบบนิติธรรม การเดินทางไกล ต่างประเทศ อีกด้วย 

แม้ว่าความหมายของดาวพฤหัสโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องดี ๆ แต่พลังงานของดาวพฤหัสที่มากเกินไปทำให้เกิดความโลภมาก ขยายไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จักพอ เกิดความหยิ่งยโส อหังการ เล็งผลเลิศเกินไป จนก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่ได้ 

โรเบิร์ต แฮนด์ อธิบายว่า ดาวพฤหัสให้พลังงานใน 2 รูปแบบ พลังงานในการขยายตัว และ พลังงานบูรณาการ พลังงานในการขยายตัวเกิดขึ้นตั้งแต่มนุษย์เกิดมาเป็นทารก โลกวัยเด็กมีขอบเขตเพียงในบ้านและครอบครัว พลังงานการขยายตัวของดาวพฤหัสทำให้มนุษย์อยากแผ่ขยายอาณาเขตของตนเองให้กว้างออกไปเรื่อย ๆ สู่โลกภายนอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งเจอขอบเขตข้อจำกัดที่เป็นพลังงานของดาวเสาร์ ถึงตอนนั้นพลังงานในการบูรณาการของดาวพฤหัสก็เริ่มทำงาน เมื่อเราขยายตัวไปไม่ได้ เราก็บูรณาการรวมตัวเราให้เข้ากับสังคมที่ใหญ่ขึ้น ปรับตัวตามระเบียบของสังคม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย ปรัชญา หรือศาสนา

เมื่อดาวพฤหัสทำมุมสัมพันธ์กับดาวเคราะห์ดวงอื่น จะให้อิทธิพลเหมือนเครื่องขยายขนาดพลังงานของดาวดวงนั้น ๆ ในกรณีนี้เมื่อดาวพฤหัสมกุมกับดาวยูเรนัส ก็ย่อมขยายพลังงานของดาวยูเรนัสให้เพิ่มมากกว่าปกติ

ดาวยูเรนัสในโหราศาสตร์

ดาวยูเรนัส (Uranus) หรือที่เรียกในโหราศาสตร์ไทยว่า ดาวมฤตยู เป็นดาวที่เพิ่งค้นพบเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน หากเทียบกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ถือว่าค้นพบเมื่อไม่นานนัก ดาวยูเรนัสเป็นดาวที่สังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า ทำให้คนโบราณไม่ได้จัดเป็นดาวเคราะห์ จนเมื่อ 13 มีนาคม ค.ศ.1781 เซอร์ วิลเลียม เฮอร์เชล ชาวอังกฤษ ได้สังเกตพบด้วยการส่องผ่านกล้องโทรทรรศน์จากสวนในบ้านของเขาที่เมืองบาธ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นดาวหาง ต่อมาจึงสรุปว่าคือดาวเคราะห์ แม้ว่าเขาพยายามจะตั้งชื่อดาวเคราะห์ที่เขาค้นพบนี้ว่า จอร์เจียม ไซดัส (Georgium Sidus) เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ แต่ชื่อนี้ไม่เป็นที่นิยมนอกประเทศอังกฤษ ในที่สุด โยฮันส์ โบเด ได้เสนอชื่อว่า ดาวยูเรนัส เพื่อให้เข้ากับตำนานเทพเจ้าและดวงดาวต่าง ๆ ชื่อนี้นี้จึงเป็นที่ยอมรับจนถึงปัจจุบัน

ดาวยูเรนัส เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 7 ในระบบสุริยะ เป็นดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ มีวงโคจรถัดออกไปจากดาวเสาร์ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ราว 3,000 ล้านกิโลเมตร ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 84 ปี หรือในแง่โหราศาสตร์คือ ใช้เวลาโคจรรอบจักรราศีราว 84 ปี มีทิศทางหมุนรอบตัวเองต่างกันข้ามกับดาวเคราะห์ดวงอื่น คือหมุนด้วยกฎมือซ้าย แกนของดาวเอียงมาก ทำมุมกับระนาบระบบสุริยะถึง 98 องศา ทำให้หมุนรอบตัวเองในลักษณะตะแคงข้าง ลักษณะที่แตกต่างจากดาวดวงอื่นเช่นนี้จึงกลายมาเป็นความหมายทางโหราศาสตร์ว่า ความแปลกประหลาดไปจากคนอื่น การแหกกฎทำลายกรอบเดิม

รูปที่  2 ดาวยูเรนัส

วงแหวนของดาวยูเรนัส ที่ค้นพบแล้วมี 13 วง มีดวงจันทร์บริวาร 27 ดวง ชื่อดวงจันทร์บริวารของดาวยูเรนัสตั้งตามตัวละครในบทประพันธ์ของเชกสเปียร์ และ อเล็กซานเดอร์ โป๊ป ซึ่งทั้งคู่เป็นกวีชื่อดังชาวอังกฤษ ตามสัญชาติเดียวกับเซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล ผู้ค้นพบดาวยูเรนัส 

ชื่อดาวยูเรนัส (Uranus) มาจากชื่อเทพแบบโรมัน ส่วนภาษากรีกเรียกว่า อูรานอส (Ouranos) ในตำนานกรีกนั้น เป็นเทพแห่งท้องฟ้าดั้งเดิม เมื่อแรกเริ่มจักรวาล สรรพสิ่งอยู่ในสภาพเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีรูปร่าง มืดมน ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต เรียกว่า เคออส (Chaos) หลังจากนั้นนานนับแสนกัลป์ ก็เกิดแผ่นดินขึ้นจากความเวิ้งว้างนั้น เรียกว่า เกอา (Gaea) เป็นเพศหญิง และก็มีท้องฟ้าเกิดขึ้น เรียกว่า อูรานอส (Ouranos) ต่อมา พระแม่เกอา กับ เทพอูรานอส ก็สมรสกัน ตำนานตอนนี้เป็นการแปลงสภาวะเทพเจ้าที่เป็นธรรมชาติ ไปสู่เทพเจ้าที่มีรูปร่างมีตัวตน 

เทพอูรานอส กับ พระแม่เกอา มีลูกเป็นเทพเจ้า 12 องค์ ชาย 6 หญิง 6 ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โตมโหฬารมาก เทพทั้งสิบสองรวมเรียกว่า คณะเทพไททัน (Titan) เทพอูรานอสเกรงกลัวลูก ๆ ของตน จึงจับลูกทั้งหมดโยนทิ้งหุบเหวลึกใต้บาดาลที่มืดสนิท เรียกว่า ทาร์ทารัส (Tartarus) และจองจำเอาไว้ ต่อมาพระแม่เกอา คลอดโอรสออกมาเป็น ยักษ์ไซคลอปส์ตาเดียวอีก 3 ตน คือ บรอนทีส (ฟ้าลั่น) สเทอโรพีส (ฟ้าแลบ) และอาร์จีส (สว่างวาบ) ทั้งสามก็ถูกโยนทิ้งทาร์ทารัสอีก แต่เมื่อทั้งสามลงไปที่นั่นก็ได้ให้แสงสว่างไสว คณะเทพไททันจึงมองเห็นและอยากเป็นอิสระ แต่มีเพียงโครนัสเท่านั้นที่กล้าขึ้นมาต่อสู้กับบิดา พระแม่เกอาจึงปลดปล่อยออกมา ให้อาวุธคือเคียว ไปต่อส้กับอูรานอส และได้รับชัยชนะ ยึดบัลลังก์มาได้ จนขึ้นครองบัลลังก์แห่งเทพทั้งปวง แต่ภายหลังก็ถูก เซอุส บุตรของตนก่อการปฏิวัติยึดอำนาจเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หรือการปฏิวัติ จึงกลายมาเป็นความหมายของดาวยูเรนัส

ในทางโหราศาสตร์ ดาวยูเรนัส เป็นดาวเกษตรประจำราศีกุมภ์ มีคุณสมบัติของธาตุลม ถือเป็นดาวบาปเคราะห์ (Malefic) เพราะดาวดวงนี้ให้อิทธิพลการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน สำหรับคนทั่วไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงคือการทำลายความเคยชินเก่า ๆ ที่เขาคิดว่ามันดีอยู่แล้ว สบายอยู่แล้ว พลังงานของดาวยูเรนัสเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน คาดการณ์ไม่ถึง ตั้งตัวไม่ติด และสุดขั้ว ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ก่อนที่จะปรับตัวเข้าสู่สภาพใหม่ เป็นการแหกกฎทำลายกรอบเดิม การปฏิวัติ การกบฏ การสร้างสรรค์

เมื่อพิจารณาตามลำดับของดาวเคราะห์นอกในระบบสุริยะแล้ว ขณะที่ดาวพฤหัสคือพลังงานแห่งการขยายตัว ดาวเสาร์คือขอบเขตข้อจำกัดของการขยายตัว ซึ่งทำให้มีรูปแบบโครงสร้างที่คงตัว แต่พลังงานของดาวยูเรนัส เป็นการทำลายโครงสร้างอันนั้นอย่างฉับพลันและไม่ประนีประนอม ยิ่งพลังงานแห่งการอนุรักษ์ของดาวเสาร์พยายามจะคงโครงสร้างดั้งเดิมไว้มากเท่าไร พลังงานของดาวยูเรนัสจะทำลายล้างรุนแรงขึ้นเท่านั้น และหากพลังงานแห่งการอนุรักษ์ประสบความสำเร็จในการคงไว้ซึ่งโครงสร้างดั้งเดิม พลังงานทำลายล้างของดาวยูเรนัสจะหลบไปใต้ดินและยังคงรอเวลาทำงาน 

นักโหราศาสตร์ยังให้ความหมายของดาวยูเรนัสว่าเกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์, คอมพิวเตอร์, อากาศยาน รวมถึงวิทยาศาสตร์อย่าง ฟิสิกส์ เคมี และคณิตศาสตร์ บรรดาศาสตร์ที่ว่ามานี้ต่างก็นำการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนมายังโลกเราทั้งนั้น

โหราศาสตร์เองก็ถือว่าเป็นความหมายหนึ่งของดาวยูเรนัส นั่นเป็นเพราะว่าโหราศาสตร์ได้รับภูมิปัญญาจากจักรวาล โดยไม่ต้องอาศัยนักบวชหรือตัวแทนของสถาบันปรัชญาศาสนาดั้งเดิมในการนำทาง คำว่า โหราศาสตร์ยูเรเนียน (Uranian Astrology) ก็สะท้อนชัดเจนว่า เป็นโหราศาสตร์ที่มีพลังงานของดาวยูเรนัส นั่นคือ ไม่ยึดติดกับโครงสร้างดั้งเดิม แต่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ เปลี่ยนแปลงไปสู่ความรู้ภูมิปัญญาที่ลึกซึ้งขึ้น

ปี 1781 ที่เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล ค้นพบดาวยูเรนัสนั้น เป็นปีเดียวกับที่สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกาอยู่ในช่วงตัดสิน โดยกองทัพของนายพลจอร์จ วอชิงตัน ได้เอาชนะกองทัพอังกฤษในสมรภูมิยอร์กทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถือเป็นสงครามใหญ่ครั้งสุดท้ายของสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา อังกฤษซึ่งเปรียบเสมือนบิดา ได้พ่ายแพ้ต่อการปฏิวัติโดยบุตร อย่างอาณานิคมอเมริกา ด้วยท่วงทำนองเดียวกับ เทพอูรานอส ที่พ่ายแพ้ต่อบุตรอย่างเทพโครนัส

****** จบ ตอน 1 ******

อ่านตอน 2 ได้ที่ https://thestarseer.com/2023/09/19/2024_juconjur_2/

จองเสื้อที่ระลึกงานยิปซีแฟร์ 2023

ชวนใส่เสื้อยิปซีแฟร์ มางานยิปซีแฟร์กันครับ

งานยิปซีแฟร์ ครั้งที่ 5 ตอน กุญแจไขความลับจักรวาล จะจัดขึ้นระหว่าง 23-28 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ พวกเรามีไอเดียว่า อยากชวนเพื่อนๆ ใส่เสื้อยืดที่ระลึกงานยิปซีแฟร์ครั้งนี้ มาเที่ยวงานกัน จึงออกแบบเป็นเสื้อคอกลม หรือ คอวี เลือกสั่งได้ตามความชอบ

ลายบนเสื้อเป็น โลโก้งานยิปซีแฟร์ครั้งที่ 5 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ไพ่เมเจอร์หมายเลข 5 The Hierophant ไพ่สังฆราช โดยนำ มงกุฎ สัญลักษณ์แห่งความเป็นผู้นำ และกุญแจคู่ กุญแจที่ไขความลับจักรวาล ด้วยไพ่ยิปซี มาอยู่ในโลโก้งานประจำปีนี้ สีแดง เป็นสีเสื้อคลุมสังฆราชบนไพ่ The Hierophant ถือว่าเป็นลายมงคลสำหรับนักอ่านไพ่อย่างพวกเรา

เราจะทำเสื้อยืดรุ่นนี้แบบ Limited Edition นั่นคือ ทำตามยอดสั่งจอง (ทำเผื่อเล็กน้อยสำหรับหน้างาน) ดังนั้น ใครสนใจ ขอให้กรอกฟอร์มสั่งจอง ได้ที่ https://forms.gle/w4kysqyibxvskVqu7 

ราคาเสื้อยืดรุ่นนี้ เรากำหนดไว้ที่ 300 บาทต่อตัว ไม่รวมค่าจัดส่งนะครับ แต่ถ้าเป็นไซส์ 2XL ขอคิดราคาเพิ่มเพราะต้นทุนเสื้อเพิ่มขึ้นเยอะเป็น 330 บาท ส่วน 3XL ราคาจะเป็น 360 บาท ค่าจัดส่ง 40 บาท

คำแนะนำ เวลาวัดไซส์ ให้วัดรอบอกเรา แล้วเผื่ออีกซัก 2 นิ้วนะครับ อย่าสั่งไซส์รอบอกเท่ากับรอบอกจริงของเรา เดี๋ยวมันจะแน่นคับอกต้องยกออกกัน

เปิดสั่งจองตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันจันทร์ที่ 8 พ.ค.นะครับ รีบสั่งจองด้วยกรอกแบบฟอร์มสั่งจองที่ https://forms.gle/w4kysqyibxvskVqu7 มีข้อสงสัยอะไร สามารถสอบถามมาทาง inbox เพจคนมองฟ้า Star Seer ได้เลยครับ

#คนมองฟ้า #starseer #ยิปซีแฟร์ครั้งที่5 #ยิปซีแฟร์ 

ฤกษ์ไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย ประจำปี 2566

ไหว้วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 เวลา 09.09 – 09:29 น.

หันหน้าไปทางทิศใต้ (ทิศ 127.5 – 202.5 องศา ตามเข็มทิศ)

เพื่อรับพลังวัน ยาม เดือน ประสานกันเป็นหนึ่ง

มีเทพแห่งโชคลาภสถิตในวันนี้ ยามนี้ ทางทิศใต้ ดับเบิ้ลพลังเป็น 2 เท่า

และมีเทพผู้อุปถัมภ์ดวงชะตาอีก 4 เทพประกอบอยู่ในดวงฤกษ์อีก

จึงถือเป็นฤกษ์ไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ยที่ดีมาก

คำนวณและให้ฤกษ์ โดย อ.วิช ธรรมสถิตบุณณ์ โหราจารย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ดวงจีน โหงวเฮ้ง และฮวงจุ้ย

ตัวอย่างการจัดโต๊ะไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย ดูตามภาพประกอบได้เลย

รายการชุดของไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย สำหรับนำไปไหว้ที่บ้าน (มีจำหน่ายในงาน The Lunar New Year Celebration 2023 ที่ เอสพลานาด รัชดา) ประกอบด้วย

1. ป้ายไฉ่ซิงเอี๊ย

2. เทียนแดง 1 คู่

3. กิมฮวย 1 คู่

4. กิมหงิ่งเต้า 1 คู่

5. หงิ่งเตี๋ย 12 คู่

6. เทียบเขียว เทียบแดง 1 คู่

7. เทียนเถ่าจี๊ สำหรับปูรองกระถางธูป เทียนแดง

8. เจฉ่าย 5 อย่าง (วุ้นเส้น เห็ดหอม เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน ไหว้แบบแห้ง)

รายการที่ต้องเตรียมเอง (ไม่อยู่ในชุดที่จัดไว้)

1. ผลไม้ 5 อย่าง นิยม ส้ม ทับทิมสีแดง แอปเปิ้ลสีแดง สาลี่เปลือกสีเหลืองทอง กล้วยหอมทอง

2. น้ำชา 5 ถ้วย

3. ข้าวสวย 5 ถ้วย ตักพูนๆ ถ้วย

4. บัวลอย หรือ สาคูแดง

5. กระถางธูป

6. ธูป (ไหว้ธูป 8 ดอก แต่บางบ้านอาจไหว้ 3 ดอก หรือ 5 ดอก ขึ้นกับธรรมเนียมแต่ละบ้าน)

#TheLunarCelebration2023

#EsplanadeRatchada

#EntertainmentDestination#คนมองฟ้า#StarSeer#เก็ตไลฟ์แมเนจเม้นท์#GetLive#ตรุษจีน#ไฉ่ซิงเอี๊ย

กาลิเลโอ ในบทบาทโหราจารย์ประจำราชสำนักเมดิชี

พวกเราส่วนใหญ่มักรู้จัก กาลิเลโอ ในฐานะของนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ ผู้ซึ่งค้นพบดวงจันทร์สี่ดวงของดาวพฤหัสด้วยการส่องกล้องโทรทรรศน์ ผู้สนับสนุนแนวคิดดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะของโคเปอร์นิคัส จนถูกคริสตจักรไต่สวนและพิพากษาว่าเป็นพวกนอกรีต และกักขังเขาไว้ในบ้านตลอดบั้นปลายชีวิตของเขา เขาได้รับการขนานนามว่า บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

แต่กาลิเลโอนั้น ยังมีบทบาทอีกด้านหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้ นั่นคือ เขาเป็น โหร ที่ทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาให้กับตระกูลเมดิชี ผู้อุปถัมภ์กาลิเลโอ ให้สามารถทำงานวิทยาศาสตร์ที่เขารักได้ ผู้นำตระกูลเมดิชีในยุคนั้นคือ คอสซิโม ที่ 2 แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ผู้ปกครองแคว้นทัสคานีในยุคนั้น

ตอนที่กาลิเลโอ ส่องกล้องโทรทรรศน์ค้นพบดวงจันทร์ 4 ดวงของดาวพฤหัส เขาเรียกดวงจันทร์ทั้งสี่ว่า ดาวแห่งตระกูลเมดิชี (Medician stars) เพื่อเป็นตัวแทนของลูกชาย และน้องชายทั้งสาม ของคอสซิโมที่ 2 โดยกาลิเลโอ ถือว่า ดาวพฤหัส ประมุขของดาวศุภเคราะห์ทั้งหลาย คือ คอสซิโมที่ 2 เจ้านายของเขานั่นเอง

กาลิเลโอ

เราลองมาดูสำนวนการพยากรณ์ของ กาลิเลโอ ที่เขียนถวายแกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ยุคนั้น ดังนี้

“ดาวพฤหัสบดี ณ ดวงชะตากำเนิดของฝ่าพระบาท ได้เคลื่อนผ่านหมอกมืดมัวของขอบฟ้าตะวันออก มาอยู่ ณ ตำแหน่งกลางฟ้า (Midheaven เรือนที่ 10) ส่องแสงสว่างไปยังทิศตะวันออก จากบัลลังก์แห่งนั้น ดาวพฤหัสบดีได้จ้องมองลงมายังการประสูติของผู้ทรงบารมี สาดแสงยิ่งใหญ่ตระการตา ผ่านลงมายังอากาศแสนบริสุทธิ์ เพื่อให้ลมหายใจแรกของร่างกายและจิตวิญญาณน้อย ๆ ของพระองค์ ซึ่งประดับด้วยอาภรณ์ของพระเจ้าและเครื่องประดับแห่งผู้สูงศักดิ์ ได้รับพลังและสิทธิอำนาจแห่งจักรวาล”

และอีกตอนหนึ่ง กาลิเลโอ ได้พูดถึงดวงจันทร์ทั้งสี่ของดาวพฤหัสที่เขาค้นพบว่า

“อันที่จริง ดูเหมือนว่าพระผู้สร้างดวงดาวได้เตือนข้าพระองค์ให้ขนานนามดาวที่ค้นพบใหม่เหล่านี้ด้วยพระนามอันลือเลื่องของพระองค์ก่อนนามอื่นใด ดวงดาวเหล่านั้นเปรียบเสมือนบุตรหลานอันทรงค่าของดาวพฤหัสบดี ไม่เคยหนีห่างไปไหนไกล ใครเล่าจะไม่รับรู้ถึงความเมตตากรุณา จิตวิญญาณอันอ่อนโยน กริยาอันน่าพึงใจ ความวิเศษแห่งเลือดขัตติยะ ความงามสง่าเมื่อยามทรงงาน และความกว้างขวางแห่งพระราชอำนาจในการปกครอง คุณลักษณะเช่นนี้ล้วนปรากฏแจ่มชัดในองค์ฝ่าพระบาท ข้ากล่าวว่า ใครเล่าจะไม่รู้ว่าคุณลักษณะเหล่านี้ย่อมส่องออกมาจากดาวพฤหัสบดี เป็นรองเพียงพระเจ้าผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งความดีงามทั้งปวง”

ภาพประกอบในโพสต์นี้ ภาพแรกคือดวงชะตาของ คอสซิโม ที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ที่เขียนโดยลายมือของ กาลิเลโอเอง เป็นรูปดวงชะตาที่นิยมในยุคนั้น

ดวงชะตา คอสซิโมที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งแคว้นทัสคานี คำนวณและเขียนโดย กาลิเลโอ

ส่วนภาพที่ 2 เป็นดวงชะตาของ แกรนด์ดยุก คอสซิโมที่ 2 ในรูปแบบดวงชะตาที่นิยมในปัจจุบัน โดยใช้เรือนชะตา Regiomontanus

ดวงชะตา คอสซิโมที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งแคว้นทัสคานี เขียนในรูปแบบดวงชะตาที่นิยมในปัจจุบัน โดยใช้เรือนชะตา Regiomontanus

น่าแปลกที่ กาลิเลโอ เน้นเฉพาะดาวพฤหัสในเรือนที่ 10 แต่ไม่ได้กล่าวถึง ดาวเสาร์ ที่กำลังเล็งลัคนาในดวงกำเนิดของ คอสซิโมที่ 2 เขาอาจตั้งใจข้ามไม่พูดถึงดาวเสาร์ไปเลย หรือบางทีเขาอาจเขียนไว้แต่ไม่มีหลักฐานมาถึงยุคปัจจุบัน ก็ได้

จากหลักฐานที่มี จึงยืนยันได้ว่า กาลิเลโอ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เป็นโหรคนสำคัญในราชสำนักเมดิชี จริง เพียงแต่ที่เราไม่รู้กันอาจเป็นเพราะคนเขียนตำราเกี่ยวกับกาลิเลโอ พยายามเลี่ยงไม่ให้คนอ่านรู้ว่า ต้นแบบนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อย่าง กาลิเลโอ ก็เป็นนักโหราศาสตร์เหมือนกัน อาจจะกลัวคนจะหาว่ากาลิเลโอยังงมงายอยู่ แต่หารู้ไม่ว่า โหราศาสตร์นั้นแท้จริงแล้วก็เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ตั้งอยู่บนการใช้เหตุและผล ไม่ได้เป็นวิชางมงาย เหมือนอย่างที่คนเขากล่าวหากัน

เขียนโดย พัลลาส Pallas
เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ปรมาจารย์โหร กาลิเลโอ กาลิเลอี
16 กุมภาพันธ์ 2022

ขอพรความรัก จากผู้เฒ่าจันทรา

ในคติความเชื่อจีน หนุ่มสาวมักไปขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก กับ ผู้เฒ่าจันทรา (月下老人 เยว่เซี่ยเหล่าเหริน หรือเรียกย่อ ๆ ว่า 月老 เยว่เหล่า) ท่านเป็นเทพพ่อสื่อ เป็นชายชรา ที่ถือด้ายแดงเอาไว้ เพื่อผูกด้ายแดงจับคู่ชายหญิงที่มีวาสนาในความรักต่อกัน บางแห่งจะถือสมุดบันทึก ซึ่งเป็นสมุดที่ท่านคอยจดไว้ว่าใครเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันบ้าง

ผู้เฒ่าจันทรา ที่ วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง

เรื่องราวของผู้เฒ่าจันทรานี้ มีบันทึกเป็นหนังสือครั้งแรกในยุคราชวงศ์ถัง ราว ๆ พันกว่าปีก่อน ในหนังสือรวมเรื่องเล่านิยายต่าง ๆ ที่ชื่อว่า ซวี่เสวียนไกว้ลู่ (续玄怪录) ในบทที่ชื่อว่า ร้านหมั้นหมาย (ติ้งฮุนเตี้ยน 定婚店) เขียนโดย หลี่ฟู่เหยียน เรื่องมีอยู่ว่า…

มีบัณฑิตหนุ่ม ชื่อว่า เหวยกู้ เดินทางมาที่เมืองซ่งเฉิง ขณะพักที่โรงเตี๊ยม ได้พบผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าร้าน เปิดสมุดที่เต็มไปด้วยอักษรประหลาดที่เหวยกู้อ่านไม่ออก เขาจึงถามท่านผู้เฒ่าว่า นั่นคือหนังสืออะไร ผู้เฒ่าตอบว่า เป็นสมุดบันทึกคู่บุพเพสันนิวาสของชายหญิงทั่วแผ่นดิน เหวยกู้สังเกตเห็นข้าง ๆ ท่านผู้เฒ่า มีกระเป๋าใบใหญ่วางอยู่ จึงถามอีกว่า ในกระเป๋านั้นใส่อะไร ท่านก็ตอบว่า ใส่ด้ายแดงวิเศษสำหรับผูกข้อเท้าชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ห่างกันแค่ไหน แตกต่างกันเพียงใด หากได้ผูกด้ายแดงเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งคู่จะได้ครองคู่กันอย่างแน่นอน

ว่าแล้วท่านผู้เฒ่าก็เดินพาเหวยกู้ไปยังตลาด เมื่อถึงตลาด เห็นหญิงตาบอดอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเดินมา ท่านผู้เฒ่าจึงบอกกับเหวยกู้ว่า เด็กหญิงคนนั้นคือเนื้อคู่ของท่านในอนาคต เหวยกู้ฟังแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะบัณฑิตหนุ่มอย่างเขา ในภายหน้าย่อมได้เป็นขุนนางในราชสำนัก จะมามีเนื้อคู่เป็นลูกสาวคนตาบอดได้อย่างไร แต่ท่านผู้เฒ่าก็สำทับอีกทีว่า ด้ายแดงผูกไว้แล้ว ยังไงไม่แคล้วก็ต้องเป็นคู่กัน ว่าแล้วท่านก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

เหวยกู้ ไม่ต้องการให้คำทำนายของผู้เฒ่าเป็นจริง จึงสั่งให้คนรับใช้ไปฆ่าเด็กผู้หญิงคนนั้น หลังจากคนรับใช้มารายงานว่าได้สังหารแล้ว เหวยกู้จึงมั่นใจว่า ด้ายแดงจะไม่แผลงฤทธิ์อย่างแน่นอน

เวลาผ่านไป 14 ปี เหวยกู้ก็เข้ารับราชการเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โต และเขาก็ได้สมรสกับธิดาของ หวังไท่ ผู้ตรวจการเมืองเซี่ยงโจว ในคืนวันสมรส เมื่อเขาเปิดผ้าปิดหน้าภรรยา พบว่า บริเวณคิ้วของภรรยามีรอยแผลเป็นจาง ๆ อยู่ จึงถามเธอว่า เกิดจากอะไร ภรรยาสาวก็ตอบว่า เมื่อ 14 ปีก่อน ตอนเธอเป็นเด็ก ได้ไปท่องเที่ยวเมืองซ่งเฉิง ขณะที่แม่นมอุ้มเธอเดินเที่ยวตลาดอยู่นั้น มีคนร้ายพุ่งเข้ามาใช้มีดแทงเธอแล้วหนีไป แต่โชคดีที่เธอโดนมีดแค่บริเวณคิ้ว ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แผลมีดก็กลายมาเป็นแผลเป็นถึงทุกวันนี้ เหวยกู้ได้ฟังก็ตกใจมาก จึงเล่าเรื่องราวเมื่อ 14 ปีก่อนให้เธอฟัง จึงรู้กันว่า ผู้เฒ่าท่านนั้นคือ เทพพ่อสื่อผู้คอยผูกด้ายแดงจับคู่ให้มนุษย์ และทั้งสองก็ครองรักอย่างมีความสุขและยั่งยืนไปตลอดชีวิต

ต่อมา นายอำเภอเมืองซ่งเฉิงทราบเรื่องราวนี้ จึงเปลี่ยนชื่อร้านแห่งนั้น จาก หนันเตี้ยน เป็น ติ้งฮุนเตี้ยน ที่แปลว่า ร้านหมั้นหมาย นั่นเอง

อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผู้เฒ่าจันทรา แต่ก็แอบรู้สึกว่า บัณฑิตเหวยกู้ ก็โหดใช่เล่น บุญเก่าคงมีเยอะจึงยังโชคดีฆ่าเนื้อคู่ตนเองไม่สำเร็จ ไม่งั้นบาปกรรมคงตามมาภายหลัง

เรื่องราวของผู้เฒ่าจันทรา จึงกลายมาเป็นคติความเชื่อของชาวจีน หากผู้ใดต้องการขอพรให้สมหวังในความรัก ให้ได้เจอเนื้อคู่ ก็มักจะไปขอพรจาก เยว่เหลา หรือ ผู้เฒ่าจันทรา

ผู้เฒ่าจันทรา ที่มีชื่อเสียงและคนไทยนิยมไปขอพร ในฮ่องกง จะมีที่ วัดหวังต้าเซียน ที่นั่นประดิษฐานรูปเยว่เหลา องค์สีทองงดงาม ถือด้ายแดงอยู่ระหว่างรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาว คนไปไหว้ก็นำด้ายแดง ทำมือมุทราตามแบบที่วัดแสดงไว้ แล้วไปผูกไว้เพื่อให้รักสมหวัง

ผู้เฒ่าจันทรา วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช

ช่วงนี้ไปต่างประเทศไม่สะดวก ก็สามารถไปไหว้ขอพรเยว่เหลา ได้ที่ วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช เมื่อหันหน้าเข้าหาองค์พระประธาน ให้มองไปทางขวา จะมีตู้รวมเทพเจ้าต่าง ๆ เดินไปตรงนั้น จะมีป้ายเขียนว่า 月下老人 (ง้วยแอ๋เหล่านั้ง) เทพเนื้อคู่ ขอพรคู่ชีวิต คำว่า ง้วยแอ๋เหล่านั้ง เป็นภาษาแต้จิ๋วของคำว่า เยว่เซี่ยเหล่าเหริน นั่นเอง ในตู้นั้นจะมี เทียงโหวเซี้ยบ้อ เจ้าแม่เทวีสวรรค์, ฮั่วกวงไต่ตี่ เทพอัคคีสามตา, กิมฮวยเนี้ย แม่ซื้อ และ เฮี่ยงตั้วเตียกเม้ง ไฉ่ซิ้งเอี๊ยภาคบู๊ อยู่ด้วยกัน

เล่าไว้ในวันวาเลนไทน์​ 2022 ขอให้ทุกท่านสมหวังในความรักนะครับ

****************************
เขียนโดย พัลลาส Pallas
14 กุมภาพันธ์ 2022
****************************

เมื่อศิลปินจินตนาการว่า ถ้าโหราศาสตร์เป็นมนุษย์ จะมีหน้าตา ลักษณะอย่างไร

ภาพสีน้ำมันบนผ้าใบ “Personification of Astrology (บุคลาธิษฐานแห่งโหราศาสตร์)” วาดโดย Guercino (กูเออร์ชิโน) ศิลปินชาวเมืองโบโลญญา อิตาลี ในยุคกลางศตวรรษที่ 17

ภาพสีน้ำมันบนผ้าใบ “Personification of Astrology (บุคลาธิษฐานแห่งโหราศาสตร์)”

กูเออร์ชิโน ได้แนวทางการวาดภาพนี้มาจากหนังสือของ Cesare Ripa ซึ่งเป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องแต่ละเรื่องออกมาเป็นรูปบุคคล ที่เราเรียกว่า บุคลาธิษฐาน (Personification) นั่นเอง

ในหนังสือของ เซซาเร กำหนดให้ โหราศาสตร์ (Astrology) เป็น สตรี และบรรยายในหนังสือไว้ว่า “เธอคือศาสตร์ที่ทุ่มเทสนใจศึกษาในเรื่องเทหวัตถุบนฟากฟ้า สวมใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงิน สีแห่งท้องฟ้าและดวงดาว ปีกของเธอแสดงถึงความคิดของเธอมุ่งไปที่เรื่องราวที่สูงขึ้นไป และทำให้ระลึกว่า ดวงดาวนั้นอยู่ไกลและยากที่จะเอื้อมถึง ไม้คทาและมงกุฎแห่งดวงดาวแสดงถึงความโดดเด่นของดวงดาวเหนือเทหวัตถุอื่นบนท้องฟ้า อุปกรณ์เครื่องมือดาราศาสตร์แสดงว่า โหราศาสตร์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการวัดและติดตามดวงดาวเพื่อทำความเข้าใจ หนังสือและม้วนบันทึกคือองค์ความรู้ที่บันทึกไว้ นกอินทรีคือนกที่บินสูงที่สุดในบรรดานกทั้งหลาย และอยู่ใกล้ดวงดาวมากไปกว่าคนอื่น”

ศิลปิน กูเออร์ชิโน ได้นำคำบรรยายดังกล่าวมาวาดเป็นภาพนี้ โดยตัดรายละเอียดบางประการออกไป เช่น ปีก คทา ฯลฯ แล้วมาเน้นที่ ทรงกลมฟ้าจำลอง (Armillary Sphere) ซึ่งเป็นแบบจำลองที่ผู้สังเกตการณ์อยู่บนพื้นโลก ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของโหราศาสตร์

ปัจจุบัน ภาพนี้จัดแสดงอยู่ที่ Blanton Museum of Art เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

Adele อัลบั้ม 30 กับวงรอบดาวเสาร์

วันนี้ (15 ต.ค. 2021) เป็นวันที่ อเดล นักร้องชาวอังกฤษ ปล่อยซิงเกิ้ล Easy On Me หลังจากไม่ได้ออกอัลบั้มมา 6 ปี อัลบั้มเพลงของอเดล ใช้เลขอายุเป็นชื่ออัลบั้มเสมอ ตั้งแต่ 19, 21, 25

พอมาถึงอัลบั้มที่กำลังจะออกในวันที่ 19 พ.ย. นี้ ในชื่อว่า 30 ซึ่งมาจากจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอตอนอายุ 30 ปี (ตอนนี้เธออายุ 33 ปีแล้ว)

อเดล ขึ้นปกนิตยสาร Vogue ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2021

ปี 2018 อเดลในวัย 30 ปี เป็นปีที่เธอได้แต่งงานกับคนรักที่คบกันมา 7 ปีและมีลูกชายด้วยกัน (เธอคลอดลูกชายเมื่อปี 2012) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปีที่น่าจะมีความสุข แต่กลับกลายว่า เธอแยกกันอยู่กับสามีภายในปีนั้น

พอเห็นชื่ออัลบั้มเธอ ผมก็คิดถึง วงรอบดาวเสาร์ ค้นดูก็พบว่า เธอพูดเองว่า วงรอบดาวเสาร์ (Saturn Return) ทำชีวิตเธอปั่นป่วนมาก เธอโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับอัลบั้มชุดนี้ และบอกเล่าชีวิตในวัย 30 ปีว่า

Not to forget the one who’s wild and says “It’s your Saturn return babes fuck it. You only live once.”
(ขออนุญาตไม่แปล เพราะอาจทำให้อรรถรสของภาษาลดลงไป)

เธอระบุในโพสต์เมื่อ 13 ต.ค.ว่า ชื่ออัลบั้ม 30 คือวัย 30 ปีของเธอ (เมื่อ 3 ปีก่อน) เป็นปีที่วงรอบดาวเสาร์ (Saturn Return) เล่นงานเธอหนักมาก

วงรอบดาวเสาร์ (Saturn Return) เป็นวงรอบที่ดาวเสาร์โคจรมายังตำแหน่งดาวเสาร์เดิมเมื่อตอนที่เราเกิดมา ใช้เวลาราว 30 ปี หรือถ้าจะให้ละเอียดก็อยู่ที่ 29.5 ปี คนทุกคนเมื่ออายุเข้าวัย 29-30 ปี ก็จะเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต บ้างก็เปลี่ยนงาน บ้างก็ย้ายบ้าน บ้างก็เลิกกับคนรัก หรือบ้างก็แต่งงาน ถ้าใช้ภาษาภาพยนตร์ วัยนี้คือวัย coming of age เป็นวัยที่ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญและเรียนรู้ที่จะเติบโตไปอีกระดับ

วงรอบดาวเสาร์จะกลับมาอีกครั้งเมื่อเราอายุประมาณ 58-60 ปี และรอบสุดท้ายสำหรับคนที่อายุยืน ก็คือ 88-90 ปี แต่ละวงรอบ เราก็จะได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ในศาสนาพุทธเรียกว่า ไตรลักษณ์ ประกอบ ทุกขัง – ความไม่สามารถคงสภาพเดิมอยู่ได้ , อนิจจัง – ความไม่เที่ยง และ อนัตตา – ความไม่ใช่ตัวตนของเรา

ดวงทินวรรษ (Solar Return) เมื่อ 5 พ.ค. 2018 ปีที่เธออายุครบ 30 ปี ดาวเสาร์จรมาเท่ากับเสาร์กำเนิด และเล็งลัคนากำเนิดของเธอด้วย ชีวิตคู่ของเธอจึงสิ้นสุดลงในวัยดังกล่าว

สำหรับ อเดล นั้น ดวงกำเนิดของเธอ มีเสาร์เล็งลัคนาอยู่แล้ว (เนปจูนก็เล็งอยู่ด้วย) พอตอนที่เธออายุครบ 30 ปี ดวงทินวรรษ (Solar Return) ของเธอ ดาวเสาร์ก็มาตรงใกล้จุดเดิมเล็งลัคนากำเนิด มีเนปจูนเล็งลัคนาทินวรรษ จึงเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องคู่ครองไปไม่ได้

ส่วนดวง Solar Return ของอเดลปีนี้ ในวัย 33 ปี ดาวอังคารจรอยู่เรือนที่ 1 เธอจึงกลับมาทำงานเพลงอย่างคึกคัก ไม่สามารถพักอยู่เฉยได้แล้ว ,ดาวพฤหัสกุมเมอริเดียนทินวรรษ เธอก็จะประสบความสำเร็จ (ซิงเกิ้ลใหม่ ปล่อยมา ไม่ถึง 8 ชั่วโมง คนดูมากกว่า 15 ล้านวิวแล้ว)

ดวงทินวรรษปีนี้ 5 พ.ค. 2021 ดาวอังคารอยู่เรือน 1 กลับมาทำงานเพลง อยู่นิ่งไม่ได้ และพฤหัสกุมเมอริเดียน จะเป็นปีที่เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

เธอให้สัมภาษณ์กับ Vogue ทั้งฉบับ British และ American ว่า เธอทำอัลบั้ม 30 ชุดใหม่ของเธอ เพื่ออธิบายให้ลูกชายวัย 9 ขวบของเธอเข้าใจว่า ทำไมเธอกับพ่อของเขาต้องหย่าร้างกัน

“ฉันต้องการอธิบายให้เขาฟังผ่านบทเพลง เมื่อเขาอายุถึงวัย 20 หรือ 30 ปี ว่า ฉันเป็นใครและทำไมฉันเลือกที่จะเปลี่ยนชีวิตทั้่งชีวิตของเขา เพื่อแสวงหาความสุขในชีวิตของฉัน มันคงทำให้เขาไม่มีความสุข และมันเป็นบาดแผลที่แท้จริงของฉัน ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะเยียวยารักษาได้หรือไม่”

เนื้่อร้องเพลง Easy On Me :
There ain’t no gold
In this river
That I’ve been washing my hands in forever
I know there is hope
In these waters
But I can’t bring myself to swim
When I am drowning
In this silence baby let me in
Go easy on me baby
I was still a child
Didn’t get the chance to
Feel the world around me
I had no time to choose
What I chose to do
So go easy on me
There ain’t no room
For things to change
When we are both so deeply
Stuck in our ways
You can’t deny how hard I have tried
I changed who I was
To put you both first
But now I give up
I had good intentions
And the highest hopes
But I know right now
It probably doesn’t even show

ฟังเพลง Easy On Me ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม 30 ที่ปล่อยออกมาวันนี้ ได้ที่

************************
เขียนโดย พัลลาส (Pallas)
15 ตุลาคม 2021
************************